Skip to Content

การดูแลสุขภาพจิต ในช่วงที่มีความกังวล

การดูแลสุขภาพจิต ในช่วงที่มีความกังวล

   การดูแลสุขภาพจิต ในช่วงที่มีความกังวล ในช่วงเวลาที่ชีวิตเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางเศรษฐกิจ สังคม หรือโรคระบาด ความกังวลกลายเป็นสิ่งที่หลายๆ คนต้องเผชิญอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ความเครียดและความกังวลไม่เพียงส่งผลต่อจิตใจ แต่ยังสามารถส่งผลต่อสุขภาพร่างกายของเราได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม การดูแลสุขภาพจิตในช่วงเวลาที่ท้าทายเหล่านี้สามารถทำได้ไม่ยาก โดยในบทความนี้เราจะมาดูวิธีง่ายๆ ในการจัดการความกังวลที่คุณสามารถนำไปใช้ได้ทันที

การดูแลสุขภาพจิต ในช่วงที่มีความกังวล

  • ความกังวลคืออะไร และทำไมเราถึงต้องดูแลสุขภาพจิต?
  • วิธีจัดการกับความกังวลในชีวิตประจำวัน
  • การดูแลสุขภาพจิตสำหรับบุคลากรทางการแพทย์

ความกังวลคืออะไร และทำไมเราถึงต้องดูแลสุขภาพจิต?

  ความกังวลเป็นภาวะที่เกิดขึ้นจากการคาดการณ์ถึงเหตุการณ์ในอนาคตที่อาจจะเกิดขึ้น ซึ่งมักทำให้เรารู้สึกไม่สบายใจหรือกลัว ความรู้สึกนี้อาจส่งผลต่อความสามารถในการดำเนินชีวิตประจำวันของเราได้  

 การที่เราปล่อยให้ความกังวลสะสมโดยไม่ได้รับการดูแลอาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพจิตอย่างเช่น โรคซึมเศร้า หรือโรควิตกกังวลเรื้อรัง (Generalized Anxiety Disorder: GAD) ซึ่งสามารถส่งผลต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาวได้

วิธีจัดการกับความกังวลในชีวิตประจำวัน

1. การหายใจลึกๆ (Deep Breathing)

   การหายใจลึกๆ ช่วยให้ร่างกายของเราผ่อนคลาย ลดการตอบสนองของระบบประสาทซิมพาเทติกที่ทำให้เรารู้สึกเครียด  

  • วิธีทำ: ลองนั่งในท่าที่สบาย หายใจเข้าทางจมูกอย่างช้าๆ นับ 1-4 ในใจ จากนั้นกลั้นหายใจไว้สักครู่ แล้วค่อยๆ หายใจออกทางปากช้าๆ นับ 1-4 ทำซ้ำประมาณ 5-10 ครั้ง

2. การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

   การออกกำลังกายเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการลดความเครียด เพราะการเคลื่อนไหวร่างกายจะช่วยกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนเอ็นโดรฟิน (Endorphins) ที่ช่วยทำให้เรารู้สึกดีและผ่อนคลายมากขึ้น  

   คุณสามารถเลือกกิจกรรมง่ายๆ เช่น เดิน วิ่ง ปั่นจักรยาน หรือโยคะ ที่สามารถทำได้ทุกวันโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์มาก

3. การใช้สติ (Mindfulness)

   การฝึกสติเป็นการให้ความสำคัญกับปัจจุบัน โดยไม่คิดถึงอดีตหรืออนาคตที่ยังไม่เกิดขึ้น การฝึกสติช่วยให้เราสามารถยอมรับความรู้สึกที่เกิดขึ้นได้โดยไม่ตัดสินหรือกังวล  

  • วิธีฝึก: ลองหาที่สงบ นั่งในท่าที่สบาย ปิดตาแล้วสังเกตลมหายใจของตัวเองอย่างมีสติ โดยไม่ต้องพยายามเปลี่ยนแปลงใดๆ

4. การพูดคุยและรับคำปรึกษา

   การได้ระบายความรู้สึกหรือความกังวลให้คนที่เราไว้ใจ เช่น ครอบครัวหรือเพื่อนสนิท เป็นวิธีที่ดีในการจัดการกับความเครียด นอกจากนี้ การขอคำปรึกษาจากนักจิตวิทยาหรือแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้คุณรับมือกับความกังวลได้ดียิ่งขึ้น

การดูแลสุขภาพจิตสำหรับบุคลากรทางการแพทย์

   บุคลากรทางการแพทย์ต้องเผชิญกับความเครียดและความกดดันในงานที่ต้องดูแลผู้ป่วยในสถานการณ์ที่ท้าทาย การจัดการกับความกังวลในกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์จึงเป็นเรื่องที่สำคัญเช่นกัน ซึ่งเทคนิคง่ายๆ ที่สามารถใช้ได้คือ:

  • การแบ่งเวลาพักผ่อนที่เหมาะสม: การทำงานหนักตลอดเวลาอาจส่งผลให้เกิดการหมดไฟ (burnout) ดังนั้นควรแบ่งเวลาในการพักผ่อนอย่างเพียงพอ
  • การสร้างเครือข่ายสนับสนุนในที่ทำงาน: การมีเพื่อนร่วมงานที่สามารถพูดคุยและแลกเปลี่ยนความรู้สึกช่วยให้ลดความเครียดจากงานได้

สรุป  

   ความกังวลเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเผชิญในชีวิตประจำวัน แต่การเรียนรู้ที่จะจัดการกับความรู้สึกนี้เป็นสิ่งที่สำคัญในการรักษาสุขภาพจิตและคุณภาพชีวิต การหายใจลึกๆ การออกกำลังกาย และการฝึกสติเป็นวิธีง่ายๆ ที่คุณสามารถนำไปใช้ได้ทันที

   หากคุณหรือคนที่คุณรู้จักต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพจิตหรือคำปรึกษาทางการแพทย์ สามารถติดต่อเราได้ที่ Cloud Doctor หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมผ่าน LINE Official

in AI